สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า ซาอุดิอาระเบียเตรียมลดการส่งออกน้ำมันในเดือนหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดที่สูงเกินไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาจีนและสหภาพยุโรปกำลังปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่า การส่งออกน้ำมันของซาอุดิอาระเบียจะลดลงราว 100,000 บาร์เรล/วันในเดือนหน้า รวมทั้งการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล หรือ 6.2% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 70.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 73.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาทั้งสัปดาห์ ราคาน้ำมันได้ร่วงลงจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด และการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า ซึ่งจะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งความต้องการใช้น้ำมัน
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน โดยทำให้สัญญามีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อคืนนี้ กล่าวหาว่า จีนและสหภาพยุโรปกำลังปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
"จีนและสหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ได้ทำการปั่นค่าเงิน และปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สหรัฐกำลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และดอลลาร์กำลังแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน ทำให้สหรัฐสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการที่ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีกครั้งหนึ่ง