สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลตัดสินใจระงับการส่งออกน้ำมันผ่านช่องทางลำเลียงขนส่ง "บับ อัล-มันเดบ" ในทะเลแดง หลังจากเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ 2 ลำถูกโจมตีโดยกองกำลังติดอาวุธฮูตีในเยเมน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ร่วงลงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 69.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 74.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่า รัฐบาลตัดสินใจระงับการส่งออกน้ำมันผ่านช่องทางลำเลียงขนส่ง "บับ อัล-มันเดบ" ในทะเลแดงเป็นการชั่วคราว ภายหลังจากเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ 2 ลำถูกโจมตีโดยกองกำลังติดอาวุธฮูตีในเยเมนที่อิหร่านให้การสนับสนุน
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ 2 ลำของซาอุดิอาระเบียถูกบุกโจมตีระหว่างแล่นอยู่ในทะเลแดง เมื่อเช้าวันพุธตามเวลาท้องถิ่น โดยเรือบรรทุกน้ำมันจำนวนหนึ่งในสองลำนี้ ได้รับความเสียหายเล็กน้อย
ทั้งนี้ ซาอุดิอาระเบียจะระงับการส่งออกน้ำมันผ่านช่องทางดังกล่าวไปจนกว่าสถานการณ์จะมีความชัดเจนและการเดินเรือทางทะเลผ่านช่องแคบบับ อัล-มันเดบ จะมีความมั่นคงปลอดภัย
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลง 6.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 713,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 101,000 บาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 207,000 บาร์เรล