สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่จีนประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 25% ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 2.23 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 66.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 2.37 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 72.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลง หลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 407.4 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 220,000 บาร์เรล
นักลงทุนจับตาข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากกระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบและรถยนต์
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวของจีนมีขึ้นเพื่อตอบโต้สหรัฐซึ่งเมื่อวานนี้ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.