สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 65.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 70.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 6.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 740,000 บาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่จะลดลง 500,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล สูงกว่าตัวที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 700,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า โดยกลุ่มผู้นำเข้าน้ำมันของจีนได้ระงับการนำเข้าน้ำมันจากสหรัฐนับตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. เนื่องจากวิตกว่ารัฐบาลจีนอาจตัดสินใจปรับขึ้นภาษีน้ำมันที่นำเข้าจากสหรัฐ ขณะที่ก่อนหน้านี้ จีนนำเข้าน้ำมันจากสหรัฐราว 300,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย.และก.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลกระทบจากการใช้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่าน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าอาจส่งผลให้อิหร่านลดการส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลกราว 1 ล้านบาร์เรล/วันภายในปีหน้า