สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) ซึ่งเป็นการปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกอาจประสบภาวะตึงตัว จากการที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน นอกจากนี้ ตลาดยังปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ จะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าได้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 66.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 72.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งถือเป็นมาตรการรอบแรก ก่อนที่สหรัฐจะออกมาตรการคว่ำบาตรรอบ 2 ในเดือนพ.ย. ซึ่งจะพุ่งเป้าไปยังการทำธุรกรรมของธนาคารกลาง การส่งออกน้ำมัน และการขนส่งสินค้าทางเรือของอิหร่าน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงราว 600,000-1,500,000 บาร์เรล
นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการผ่อนคลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ทางการจีนยืนยันว่า คณะผู้แทนของจีนจะเดินทางไปยังสหรัฐภายในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า การเจรจาดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค. ซึ่งวันที่ 23 ส.ค.จะเป็นวันที่สหรัฐจะใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของทั้งสหรัฐและจีนกำลังเร่งทำโร้ดแมพเพื่อผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งจะนำไปสู่การประชุมสุดยอดระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในเดือนพ.ย.
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานดังกล่าวในวันพรุ่งนี้เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย