สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ส.ค.) ขานรับรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 67.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.15 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 74.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ และทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกัน 5 วันทำการ หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 5.8 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งมากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล
สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 772,000 บาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 488,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ภาวะน้ำมันตึงตัวจากการที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน โดยโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 6 ส.ค. เพื่ออนุมัติมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ โดยจะพุ่งเป้าไปยังการทำธุรกรรมของธนาคารกลาง การส่งออกน้ำมัน และการขนส่งสินค้าทางเรือของอิหร่าน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงราว 600,000-1,500,000 บาร์เรล
นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะเจรจาต่อรองกันในหลายประเด็น เนื่องจากในวันพฤหัสบดีที่ 23 ส.ค.นี้ จะเป็นวันที่สหรัฐจะบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์