สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมัน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 3 เซนต์ หรือประมาณ 0.04% ปิดที่ 67.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 5 เซนต์ หรือประมาณ 0.09% ปิดที่ 74.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยเมื่อวานนี้สหรัฐและจีนต่างก็ประกาศบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันรอบที่ 2 ในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.55% แตะระดับ 95.6715 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่า จะลดความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน โดยทำให้สัญญามีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาด โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 6 ส.ค. เพื่ออนุมัติมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ซึ่งจะพุ่งเป้าไปยังการทำธุรกรรมของธนาคารกลาง การส่งออกน้ำมัน และการขนส่งสินค้าทางเรือของอิหร่าน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงราว 600,000-1,500,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ การร่วงลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาดน้ำมันเช่นกัน โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 5.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล