สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดพุ่งขึ้นกว่า 1% หลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ณ เวลา 22.17 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 1.04% สู่ระดับ 69.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 686,000 บาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 370,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 837,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่อิหร่านลดการส่งออกน้ำมัน ขณะที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ
ทั้งนี้ การส่งออกน้ำมันดิบและคอนเดนเสทของอิหร่านมีแนวโน้มลดลงต่ำกว่าระดับ 70 ล้านบาร์เรลในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ก่อนถึงวันที่ 4 พ.ย.ซึ่งสหรัฐเตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่าน
การส่งออกน้ำมันของอิหร่านเริ่มได้รับผลกระทบ จากการที่ผู้ซื้อน้ำมันพากันลดคำสั่งซื้อน้ำมันจากอิหร่านแล้ว ขณะที่ใกล้ถึงกำหนดเวลาที่สหรัฐจะทำการคว่ำบาตรน้ำมันจากอิหร่าน โดยสหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงราว 600,000-1,500,000 บาร์เรล
ทางด้านวู้ด แมคเคนซี ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาและวิจัย ออกรายงานระบุว่า อินเดียจะแซงหน้าจีนในฐานะประเทศที่มีอุปสงค์น้ำมันสูงที่สุดในโลกในปี 2567
รายงานระบุว่า อุปสงค์น้ำมันของอินเดียจะเพิ่มขึ้น 3.5 พันล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่ปี 2560 ถึงปี 2578 ซึ่งจะเทียบเท่ากับสัดส่วน 1 ใน 3 ของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก
ส่วนจีน ซึ่งขณะนี้เป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก จะลดการใช้น้ำมันลง ถึงแม้จีนได้แซงหน้าสหรัฐในปีที่แล้วในฐานะประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก แต่ความต้องการใช้น้ำมันของจีนจะลดลงตั้งแต่ปี 2567 ถึงปี 2578 เนื่องจากมีการใช้พลังงานทดแทน รวมทั้งการที่จีนมีระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดการใช้น้ำมันดีเซล