สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ และยังได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันในสหรัฐด้วยเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนจับตาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคน "ฟลอเรนซ์" รวมทั้งรายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 69.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.69 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 79.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจาก EIA คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบ WTI โดยเฉลี่ยในปี 2561 จะอยู่ที่ระดับ 67.03 ดอลลาร์/บาร์เล ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.2% จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนส.ค. ส่วนในปี 2562 นั้น คาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 67.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 4.7% จากการคาดการณ์ครั้งก่อน
ขณะเดียวกัน EIA ได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐลง 0.2% สู่ระดับ 10.66 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2561 และปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบในปี 2562 ลง 1.8% สู่ระดับ 11.5 ล้านบาร์เรล/วัน
นักลงทุนจับตาพายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์ซึ่งคาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งของรัฐนอร์ทแคโรไลนา และเซาท์แคโรไลนา ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐระบุว่า พายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์ถูกจัดระดับความรุนแรงที่ระดับ 4 ด้วยความเร็วลมสูงสุด 140 ไมล์ต่อชั่วโมง และนับเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดเท่าที่พื้นที่ดังกล่าวจะต้องเผชิญในรอบเกือบ 30 ปี
ทั้งนี้ ทางการสหรัฐได้สั่งอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่แนวชายฝั่งรัฐนอร์ทแคโรไลนาและรัฐเซาท์แคโรไลนากว่า 1 ล้านคน เพื่อเตรียมตัวรับมือกับพายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตา EIA ซึ่งมีกำหนดรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.7 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ย. ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินคาดว่าจะทรงตัว และคาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล