สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัว อันเนื่องมาจากการที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 71.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 79.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นขานรับรายงานของ EIA ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 14 ก.ย. สู่ระดับ 394.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2558 และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันสัปดาห์ที่ 5
ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันเบนซิน ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และดีเซล ลดลง 800,000 บาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 282,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัว จากการที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงราว 600,000-1,500,000 บาร์เรล
ทั้งนี้ การส่งออกน้ำมันของอิหร่านเริ่มได้รับผลกระทบ จากการที่ผู้ซื้อน้ำมันพากันลดคำสั่งซื้อน้ำมันจากอิหร่านแล้ว โดยสหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่