สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง อันเนื่องมาจากการที่สหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน พร้อมกับกดดันให้ประเทศต่างๆระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่าน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 72.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 81.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า มาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐนำมาใช้ต่ออิหร่านนั้น จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลง และหนุนราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงราว 600,000-1,500,000 บาร์เรล
ทั้งนี้ การส่งออกน้ำมันของอิหร่านได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ซื้อน้ำมันพากันลดคำสั่งซื้อน้ำมันจากอิหร่าน หลังจากสหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
เจพีมอร์แกนออกรายงานคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งใกล้ระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงหลายเดือนข้างหน้า จากการที่สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยคาดว่าราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ และ WTI จะแตะระดับเฉลี่ย 85 ดอลลาร์ และ 76 ดอลลาร์ตามลำดับในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล