สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง หลังสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหรัฐยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่นำน้ำมันจากคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ออกมาขาย แม้การคว่ำบาตรอิหร่านจะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 72.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 81.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลง โดยขณะนี้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ซื้อน้ำมันพากันลดคำสั่งซื้อ หลังจากสหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร
รายงานระบุว่า เกาหลีใต้ไม่ได้นำเข้าน้ำมันจากอิหร่านเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกันแล้ว ขณะที่อินเดียวางแผนระงับการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนหลังจากนายริค เพอร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐ เปิดเผยว่า รัฐบาลจะไม่นำน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ออกมาขาย แม้ว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นหลังจากที่มีผลบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนพ.ย.ก็ตาม
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนวิตกกังวลว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจนำน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ออกมาขาย เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันซึ่งจะส่งผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจของประเทศ