สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว จากการที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานสหรัฐ รวมทั้งรายงานที่ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ขยับขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ระดับ 74.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 42 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 84.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 1.5% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 1.7%
สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกจะลดลงเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยขณะนี้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ซื้อน้ำมันพากันลดคำสั่งซื้อน้ำมันจากอิหร่าน หลังจากสหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
นายจิโอวานนี สตอโนโว นักวิเคราะห์จากยูบีเอส กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งแตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน และภาวะคอขวดในการส่งออกน้ำมันสหรัฐสู่ตลาดโลก
สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยบวกในระดับหนึ่ง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 134,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐซึ่งระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน ลดลง 2 แท่น สู่ระดับ 1,052 แท่น ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค.