สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) สอดคล้องกับการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้น
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นไม่มากนัก หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานระบุว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีอยู่อย่างเพียงพอ ขณะที่อุปสงค์น้ำมันมีแนวโน้มลดลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 71.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 80.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
แม้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ แต่เมื่อพิจารณาทั้งสัปดาห์พบว่าราคามีแนวโน้มดิ่งลง 4% โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ ขณะที่ถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันสหรัฐ และการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัวจากการที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน
ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคน"ไมเคิล" ซึ่งทำให้มีการปิดการผลิตน้ำมันเกือบ 40% ในอ่าวเม็กซิโก
ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ได้ร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายครั้งก่อนหน้า โดยสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.6 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 422,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และดีเซล ลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.71 ล้านบาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 9.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ว สู่ระดับ 410.7 ล้านบาร์เรล
สำหรับความเคลื่อนไหวด้านอื่นๆที่ส่งผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีหน้าเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีสาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง อันเนื่องจากความขัดแย้งทางการค้า และความผันผวนในตลาดเกิดใหม่
ทั้งนี้ โอเปกยังระบุว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกเพิ่มขึ้น 132,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย. สู่ระดับ 32.8 ล้านบาร์เรล/วัน โดยการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของซาอุดิอาระเบียและลิเบียได้ช่วยชดเชยการผลิตที่ลดลงจากอิหร่าน