สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 3% เมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยรายงานดังกล่าวส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงหลุดจากระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 2.17 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 69.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.36 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 80.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.52 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 800,000 บาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.55% แตะที่ระดับ 95.5746 เมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดิอาระเบีย กรณีการหายตัวไปของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดิอาระเบีย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ส่งนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ เดินทางไปยังซาอุดิอาระเบีย เพื่อให้มีการสอบสวนกรณีการหายตัวไปของนายคาช็อกกีซึ่งได้หายตัวไปอย่างลึกลับในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำนครอิสตันบูลเมื่อวันที่ 2 ต.ค. หลังจากที่เขาเข้าไปติดต่อขอรับเอกสารเพื่อเตรียมแต่งงานกับคู่หมั้นชาวตุรกี แต่ไม่เคยมีใครเห็นเขาออกมาจากสถานกงสุลอีกเลย ท่ามกลางกระแสข่าวว่ารัฐบาลซาอุดีอาระเบียอยู่เบื้องหลังการสังหารนายคาช็อคกี
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ซาอุดีอาระเบียอาจลดกำลังการผลิตน้ำมัน 500,000 บาร์เรล/วัน เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐ หรือมาตรการลงโทษจากประเทศอื่นๆ