สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) เนื่องจากการดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังได้รับแรงบวกจากการที่ซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณเข้าแทรกแซงเพื่อลดสต็อกน้ำมันในตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 67.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือเกือบ 1% ปิดที่ 76.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ โดยดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดาวโจนส์ร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.น้ำมันซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียอาจจำเป็นต้องเข้าแทรกแซงเพื่อลดสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง หลังจากสต็อกเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยนายอัล-ฟาลีห์กล่าวว่า การแทรกแซงดังกล่าวอาจมีความจำเป็นเพื่อทำให้ตลาดกลับสู่เสถียรภาพ หลังจากที่ได้ใช้ความพยายามในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาภาวะน้ำมันตึงตัวที่อาจเกิดจากการที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า การส่งออกน้ำมันจากอิหร่านลดลงใกล้ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรล/วันในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนนี้ โดยลดลงจากระดับ 2.5 ล้านบาร์เรลในเดือนเม.ย. ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่านในวันที่ 4 พ.ย.
ทั้งนี้ สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
ทางด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงราว 500,000-2,000,000 บาร์เรล