สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่า ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและบรรดาประเทศคู่ค้า ซึ่งรวมถึงจีนนั้น จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานทั่วโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 55 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 67.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 77.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งการร่วงลงของตลาดหุ้นจีนนั้น จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และจะทำให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลงด้วย
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าได้กลับมาส่งผลกระทบต่อตลาดอีกครั้ง หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ หากการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงประสบความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน โดยปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิง จะพบปะกันนอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในเดือนหน้า
นักลงทุนจับตาภาวะน้ำมันตึงตัวที่อาจเกิดจากการที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่านในวันที่ 4 พ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงราว 500,000-2,000,000 บาร์เรล
ทั้งนี้ สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ปธน.ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้เขาสามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
อย่างไรก็ดี อินเดีย, จีน และตุรกี ซึ่งเป็นลูกค้าน้ำมันรายใหญ่ของอิหร่าน ต่างก็ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐในการยุติการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน โดยระบุว่าปริมาณน้ำมันในตลาดโลกมีไม่เพียงพอที่จะชดเชยน้ำมันจากอิหร่าน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย