สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ห้าในวันศุกร์ (2 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด ภายหลังสหรัฐประกาศผ่อนผันให้ 8 ประเทศยังคงสามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้หลังวันที่ 4 พ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 55 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 63.14 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 6.6% ในรอบสัปดาห์ ซึ่งเป็นการลดลงสัปดาห์ที่สี่ติดต่อกัน
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 6 เซนต์ หรือไม่ถึง 0.1% ปิดที่ 72.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ทั้งสัปดาห์ ลดลงไป 6.2% ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สี่เช่นกัน
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันถูกกดดันจากรายงานข่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะอนุญาตให้ 8 ประเทศได้รับการผ่อนผันให้สามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้ต่อไป หลังจากที่มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์
ก่อนหน้านี้ สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้เขาสามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
8 ประเทศที่ได้รับการผ่อนผันดังกล่าวจะสามารถทยอยลดการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน หลังจากวันที่ 4 พ.ย.
ทั้งนี้ นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายชื่อประเทศทั้ง 8
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดียอยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับการผ่อนปรน ขณะที่จีนกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเงื่อนไขกับสหรัฐ
นายปอมเปโอยืนยันว่า สหภาพยุโรปไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่จะได้รับการผ่อนผันดังกล่าว
นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดอันเนื่องมาจากผลผลิตน้ำมันของบรรดาผู้ผลิตรายใหญ่ยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวันก่อนว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน และสหรัฐเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบสูงกว่า 11 ล้านบาร์เรล/วัน
ขณะเดียวกันรัสเซียเพิ่มกำลังการผลิตสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงหลังยุคโซเวียตรัสเซีย ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนต.ค.มากกว่าปริมาณน้ำมันที่ขาดหายไปจากอิหร่าน
ผลการสำรวจพบว่า โอเปกเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนที่แล้วสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2559 นำโดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และลิเบีย
โดยรายงานระบุว่า โอเปกเพิ่มการผลิตน้ำมันเป็น 33.31 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งสูงสุดที่นับตั้งแต่ปี 2559 ส่วนข้อมูลจากกระทรวงพลังงานของรัสเซียเผยว่า รัสเซียผลิตน้ำมัน 11.41 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี
สำหรับข้อมูลประจำสัปดาห์จากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 1 แท่น สู่ระดับ 874 แท่นในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาสามสัปดาห์ติดต่อกัน