ราคาน้ำมัน WTI พุ่งเกือบ 1% หลังมีข่าวรัสเซีย,ซาอุฯเตรียมลดการผลิตน้ำมันปีหน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 7, 2018 20:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นเกือบ 1% ในวันนี้ หลังมีข่าวว่า รัสเซีย และซาอุดึอาระเบียกำลังหารือกันเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันในปีหน้า

ณ เวลา 20.03 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 0.90% สู่ระดับ 62.77 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า รัสเซีย และซาอุดึอาระเบียกำลังหารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการลดกำลังการผลิตน้ำมันในปีหน้า

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันจากการที่สหรัฐประกาศผ่อนผันให้ 8 ประเทศยังคงสามารถนำเข้าน้ำมันอิหร่านต่อไป

ราคาน้ำมันได้ดิ่งลงมากกว่า 15% นับตั้งแต่แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ทำไว้ในช่วงต้นเดือนต.ค.

รัฐบาลสหรัฐประกาศรายชื่อ 8 ประเทศที่ได้รับการผ่อนผันให้ยังคงสามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย อิตาลี กรีซ และตุรกี ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.

ทั้งนี้ สหรัฐได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน โดยมีผลกับภาคธุรกิจพลังงาน ธนาคาร การต่อเรือ และการขนส่งทางเรือ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกดดันให้อิหร่านยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ รวมทั้งยุติการสนับสนุนต่อกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลาง

ก่อนหน้านี้ สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้เขาสามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่

นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเกิดจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และอาจกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่ความอ่อนแอของค่าเงินเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจของหลายประเทศในเอเชีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ