สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 10 เมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) ซึ่งถือว่าลดลงต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 34 ปี ขณะที่ตลาดน้ำมันสหรัฐเข้าสู่ "ภาวะหมี" ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดและอุปสงค์น้ำมันที่หดตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 60.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 70.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันสัปดาห์ที่ 7 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.4 ล้านบาร์เรล
EIA ยังระบุด้วยว่า สหรัฐผลิตน้ำมัน 11.6 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่ารัสเซีย จนทำให้สหรัฐเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลกขณะนี้ และคาดว่าการผลิตน้ำมันของสหรัฐในปี 2562 จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 12.1 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 12 แท่น สู่ระดับ 886 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558
ทางด้านรัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย และบราซิล ก็ได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตเช่นกัน ขณะที่อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอินโดนีเซีย ส่งสัญญาณการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในปีหน้า
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมระหว่างสมาชิกกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตรของโอเปก ในวันอาทิตย์นี้ที่เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์