สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดทะลุระดับ 57 ดอลลาร์ หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 12 วัน ซึ่งเป็นการทำสถิติช่วงขาลงที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบ WTI ในปี 2526
ณ เวลา 23.15 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 2.44% สู่ระดับ 57.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้ดิ่งลงมากกว่า 25% นับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. โดยเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เกิดภาวะราคาน้ำมันทรุดตัวลงในปี 2557
ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่นายซูฮาอิล บิน โมฮัมเหม็ด ฟาราจ ฟาริส อัล มาสโรอี ประธานกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการโอเปก กล่าวว่า สมาชิกโอเปกบรรลุฉันทามติที่จะสนับสนุนให้มีการปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมในวันที่ 6 ธ.ค. เพื่อสร้างความสมดุลต่อตลาดน้ำมัน
ทั้งนี้ โอเปกจะจัดการประชุมที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียในวันที่ 6 ธ.ค.เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันในปีหน้า
นายบาร์คินโดกล่าวว่า โอเปกจะยังคงใช้ความพยายามในการสร้างเสถียรภาพต่อตลาดพลังงาน
แหล่งข่าวระบุว่า โอเปกและประเทศพันธมิตรกำลังหารือกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากถึง 1.4 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ซึ่งเป็นการปรับลดมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อสกัดการทรุดตัวของราคาน้ำมันในขณะนี้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ได้ดิ่งลงจากระดับ 86 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ทำไว้ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 66 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน บริษัทน้ำมันบางแห่งได้คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันมีโอกาสพุ่งขึ้นแตะ 100 ดอลลาร์
แหล่งข่าวระบุว่า รัฐมนตรีน้ำมันจากซาอุดีอาระเบีย, รัสเซีย และอีกหลายชาติได้เสนอให้มีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.4 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะอยู่ในระดับสูงกว่าอุปสงค์ในปีหน้า ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันเพิ่มกำลังการผลิต แต่การบริโภคน้ำมันถูกจำกัดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ IEA ออกรายงานภาวะตลาดน้ำมันโลกประจำเดือนพ.ย. โดย IEA ยังคงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันโลกในปีนี้และปีหน้าที่ระดับ 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน และ 1.4 ล้านบาร์เรล/วันตามลำดับ ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว แต่ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในประเทศนอกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)
IEA คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันจะมีการขยายตัว 2 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
นอกจากนี้ IEA ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขการผลิตน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) สู่ระดับ 2.4 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และ 1.9 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า เทียบกับตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.2 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และ 1.8 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า
ทั้งนี้ การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอีก 2.1 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และ 1.3 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า โดยขณะนี้สหรัฐผลิตน้ำมันได้มากกว่า 11 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
IEA ยังได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของโอเปกลง 300,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 31.3 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า
ขณะเดียวกัน IEA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันของกลุ่มประเทศ OECD เพิ่มขึ้น 12.1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.ย. สู่ระดับ 2.875 พันล้านบาร์เรล และเพิ่มขึ้น 58.1 ล้านบาร์เรลในไตรมาส 3 หรือในอัตรา 630,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558
ทางด้านโอเปกออกรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนพ.ย.เมื่อวานนี้ โดยปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปีหน้า ขณะที่ระบุว่าจะขยายตัวเพียง 1.29 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 70,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว และเป็นการปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ โอเปกคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำมันจากกลุ่มประเทศนอกโอเปกจะเพิ่มขึ้น 2.23 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า โดยเพิ่มขึ้น 120,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ล่าสุด
"ถึงแม้ตลาดน้ำมันได้อยู่ในระดับสมดุลแล้ว แต่การคาดการณ์ที่ว่าผลผลิตน้ำมันจากกลุ่มประเทศนอกโอเปกจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า ก็ได้บ่งชี้ว่าปริมาณน้ำมันจะมีมากกว่าอุปสงค์น้ำมันในปีหน้า ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด" รายงานระบุ