สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) แม้สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยสัญญาน้ำมันดิบยังคงได้แรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณปรับลดการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 56.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 66.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันยังคงได้แรงหนุนจากการที่จากนายซูฮาอิล บิน โมฮัมเหม็ด ฟาราจ ฟาริส อัล มาสโรอี ประธานกลุ่มโอเปก และนายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการโอเปก กล่าวว่า สมาชิกโอเปกบรรลุฉันทามติที่จะสนับสนุนให้มีการปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมในวันที่ 6 ธ.ค. เพื่อสร้างความสมดุลต่อตลาดน้ำมัน โดยการประชุมจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียเพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันในปีหน้า
สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า โอเปกและประเทศพันธมิตรกำลังหารือกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากถึง 1.4 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ซึ่งเป็นการปรับลดมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อสกัดการทรุดตัวของราคาน้ำมันในขณะนี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของกลุ่มโอเปกช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 และยังสามารถสกัดปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 10.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล