สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันทั่วโลกด้วยเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ และรายงานภาวะตลาดน้ำมันรายเดือนของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 51.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ดิ่งลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 59.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ต่างก็ปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกอาจซบเซาลง หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวันเสาร์ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย.ขยายตัว 10.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ซึ่งขยายตัว 20.1% ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนพ.ย.ขยายตัวเพียง 7.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ซึ่งขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 26.3%
ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 หดตัวลง 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี เนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ส่งผลกระทบต่อรายจ่ายด้านการลงทุน
ตัวเลขจีดีพีดังกล่าวถูกปรับทบทวนลงจากรายงานเบื้องต้นที่ระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัว 1.2% ในไตรมาส 3 และยังเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่หดตัว 7.3% ในไตรมาส 2 ของปี 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นปรับขึ้นภาษีการบริโภค ขณะเดียวกัน ตัวเลขจีดีพีที่มีการปรับทบทวน ยังหดตัวลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัว 2.1%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและความต้องการพลังงาน โดยรายงานล่าสุดระบุว่า นายเล่อ อวี้เฉิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้เรียกตัวนายเทอร์รี แบรนสแตด เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศจีน และนายจอห์น แมคคอลลัม เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศจีน เข้าพบเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อประท้วงการจับกุม เมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ โดยทางการแคนาดาตามคำขอของสหรัฐ
นายเล่อระบุในแถลงการณ์ว่า สิ่งที่สหรัฐทำนั้นละเมิดสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมตามกฎหมายของพลเมืองจีนอย่างรุนแรง และถือเป็นเรื่องเลวร้าย