สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า ซาอุดีอาระเบียเตรียมลดการส่งออกน้ำมันดิบให้กับโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐ และจากรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ซึ่งระบุว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงในเดือนพ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 52.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 61.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจาก IEA ได้เปิดเผยรายงาน "Oil Market Report" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกเดือนพ.ย.ปรับตัวลดลง 360,000 บาร์เรล/วัน เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สู่ระดับ 101.1 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากการผลิตที่ลดลงในแคนาดา รัสเซีย และภูมิภาคทะเลเหนือ
ขณะเดียวกัน IEA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันในประเทศนอกกลุ่มโอเปกจะลดลง 415,000 บาร์เรล/วัน ในปี 2562 เนื่องจากรัสเซียได้ปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงที่ทำขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และแคนาดาปรับลดการผลิตลงเช่นกัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ซาอุดีอาระเบียเตรียมลดการส่งออกน้ำมันดิบให้กับโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐ เพื่อไม่ให้สต็อกน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ได้แจ้งให้โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐเตรียมรับมือกับการส่งออกน้ำมันดิบที่ลดลงในเดือนหน้า
ตลาดยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานประจำเดือนธ.ค.ของกลุ่มโอเปกซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลงในเดือนพ.ย. จากการลดการผลิตน้ำมันของอิหร่าน แม้ว่าซาอุดีอาระเบียเพิ่มการผลิตน้ำมันสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 11,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.965 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. โดยอิหร่านลดการผลิต 380,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับต่ำกว่า 3 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2559
ทางด้านซาอุดีอาระเบียเพิ่มการผลิตน้ำมัน 377,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับเกือบ 11.1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียคาดว่าการผลิตน้ำมันในประเทศจะลดลงสู่ระดับ 10.2 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค.ปีหน้า