สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ปริมาณสต็อกน้ำมันในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงนั้นอาจส่งผลให้ความต้องการน้ำมันซบเซาลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 49.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 2560
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 67 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 59.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลงหลุดจากระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงเกินไปในสหรัฐ หลังจาก Genscape ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลด้านพลังงานเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านบาร์เรล ในระหว่างวันที่ 11-14 ธ.ค.
ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สหรัฐมีการผลิตน้ำมัน 11.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า เศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณชะลอตัวอาจส่งผลให้ความต้องการน้ำมันซบเซาลงด้วย โดยทางการจีนเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นมาตรวัดเศรษฐกิจที่สำคัญ ขยายตัว 5.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ที่มีการขยายตัว 5.9% ขณะที่สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลง 4 จุด สู่ระดับ 56 ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2558
นักลงทุนจับตาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่สมาชิก 15 ชาติของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 800,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้มีการปรับลดกำลังการผลิตรวม 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า
อย่างไรก็ตาม นายเอ็ดเวิร์ด เบลล์ นักวิเคราะห์จากธนาคารเอมิเรตส์ เอ็นบีดี กล่าวว่า ระดับการปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วันยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ตลาดอยู่ในภาวะขาดแคลนน้ำมัน
นอกจากนี้ นายเบลล์คาดการณ์ว่า ตลาดจะยังคงเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดราว 1.2 ล้านบาร์เรล/วันในไตรมาสแรกของปีหน้า จากการที่มีปริมาณน้ำมันใหม่ๆระบายเข้าสู่ตลาด