สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 4% ในวันนี้ หลุดระดับ 46 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด และแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอ
ราคาน้ำมันดิ่งลงตามตลาดหุ้น หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วง 2 ปีข้างหน้า
ณ เวลา 20.32 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 1.58 ดอลลาร์ หรือ 3.28% สู่ระดับ 46.59 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทรุดตัวลง 4.9% แตะระดับ 45.82 ดอลลาร์/บาร์เรลก่อนหน้านี้
ราคาน้ำมันดิ่งลงมากกว่า 30% นับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. ท่ามกลางปริมาณน้ำมันจำนวนมากในตลาด
สหรัฐมีการผลิตน้ำมัน 11.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้สหรัฐเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยแซงหน้ารัสเซีย ซึ่งมีการผลิตน้ำมัน 11.42 ล้านบาร์เรล/วัน และเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของรัสเซีย
ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. สมาชิก 15 ชาติของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 800,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้มีการปรับลดกำลังการผลิตรวม 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าว ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ตลาดอยู่ในภาวะขาดแคลนน้ำมัน
ทางการจีนได้เปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ท่ามกลางการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ และทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
นอกจากนี้ ตัวเลขการกลั่นน้ำมันของจีนได้ลดลงในเดือนพ.ย. ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน