สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นในวันนี้ หลังร่วงลงหลุดระดับ 46 ดอลลาร์ในช่วงแรก แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.ปีที่แล้ว
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุดในวันนี้ หลังนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดอาจทำการทบทวนนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ณ เวลา 00.01 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.48% สู่ระดับ 46.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากแตะระดับ 45.13 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้
ราคาน้ำมัน WTI มีแนวโน้มดิ่งลง 10.3% ในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลวันหยุดในสัปดาห์หน้า
สหรัฐมีการผลิตน้ำมัน 11.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้สหรัฐเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยแซงหน้ารัสเซีย ซึ่งมีการผลิตน้ำมัน 11.42 ล้านบาร์เรล/วัน และเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของรัสเซีย
ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. สมาชิก 15 ชาติของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 800,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้มีการปรับลดกำลังการผลิตรวม 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าว ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ตลาดอยู่ในภาวะขาดแคลนน้ำมัน