สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 6% เมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐ รวมทั้งความวิตกกังวลที่ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจส่งผลให้ความต้องการพลังงานถดถอยลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 3.06 ดอลลาร์ หรือ 6.7% ปิดที่ 42.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. 2560
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ดิ่งลง 3.35 ดอลลาร์ หรือ 6.2% ปิดที่ 50.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จากไพร์ซ ฟิวเจอร์ส กรุ๊ปกล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นถูกเทขายอย่างหนักเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะชะงักงัน และจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันด้วยเช่นกัน โดยตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่หน่วยงานบางส่วนของสหรัฐต้องปิดทำการเนื่องจากขาดแคลนงบประมาณ หรือชัตดาวน์ รวมทั้งข่าวลือที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการปลดนายเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด โดยเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10 แท่น สู่ระดับ 883 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันมากที่สุด นับตั้งแต่สัปดาห์ต้นเดือนพ.ย. ขณะเดียวกันมีรายงานว่า สหรัฐมีการผลิตน้ำมัน 11.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้สหรัฐเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยแซงหน้ารัสเซีย ซึ่งมีการผลิตน้ำมัน 11.42 ล้านบาร์เรล/วัน และเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของรัสเซีย
สำหรับข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนั้น นายซูเฮล โมฮัมหมัด อัล มัสรูอี รัฐมนตรีพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตรนอกกลุ่มโอเปก มีความพร้อมที่จะจัดการประชุมรอบพิเศษ หากการปรับลดกำลังการผลิตรวม 1.2 ล้านบาร์เรล/วันในปัจจุบันไม่ทำให้ตลาดน้ำมันในปีหน้าปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. สมาชิก 15 ชาติของกลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 800,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้มีการปรับลดกำลังการผลิตรวม 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าว ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ตลาดอยู่ในภาวะขาดแคลนน้ำมัน
** ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะปิดทำการซื้อขายในวันอังคารที่ 25 ธ.ค. เนื่องในวันคริสต์มาส **