สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 2.5% เมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า ซาอุดีอาระเบียได้ปรับลดการส่งออกน้ำมันลงในเดือนธ.ค. ขณะที่ข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ได้เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในเดือนนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 46.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 54.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากมีรายงานว่า การส่งออกน้ำมันของซาอุดิอาระเบียลดลงราว 5 แสนบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 7.253 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. ขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียไปยังสหรัฐได้ลดลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
รายงานดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากที่ในช่วงแรก สัญญาน้ำมันร่วงลงจากรายงานที่ว่า รัสเซียได้ผลิตน้ำมัน 11.16 ล้านบาร์เรล/วันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่เดือนม.ค.เป็นเดือนที่เริ่มมีการบังคับใช้ข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิต โดยสมาชิก 15 ชาติของกลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 800,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้มีการปรับลดกำลังการผลิตรวม 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็นสัดส่วนราว 1% ของปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลก
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย