สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้น
ณ เวลา 21.17 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.67% สู่ระดับ 48.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเกือบ 12% นับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์ในรอบ 2 ปี
ผลการสำรวจพบว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 460,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 32.68 ล้านบาร์เรล/วัน นำโดยซาอุดีอาระเบีย
ราคาน้ำมันยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่เจ้าหน้าที่จากทั้งสองฝ่ายจะเจรจาการค้าในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด จากการผลิตน้ำมันมากเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้สต็อกน้ำมันสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 17% ในปีที่แล้ว แตะดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้ โดยระบุถึงการพุ่งขึ้นของการผลิตน้ำมันในประเทศต่างๆ รวมทั้งการขยายตัวของการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐ
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะปรับตัวเฉลี่ยที่ระดับ 62.50 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 70 ดอลลาร์
นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์คาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะปรับตัวเฉลี่ยที่ระดับ 55.50 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 64.50 ดอลลาร์
ขณะเดียวกัน โกลด์แมน แซคส์ยังระบุว่า ราคาน้ำมันจะถูกกระทบจากอุปสงค์ที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดการขยายตัวของเศรษฐโลก และความต้องการใช้น้ำมัน