สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 7 เมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) ทำสถิติปิดในแดนบวกยาวนานที่สุดในรอบ 18 เดือน ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้า นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 49.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 58.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปด้วยดี ขณะที่นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า เขาคาดว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งเป็นข้อตกลงที่จะแก้ไขความขัดแย้งทุกอย่าง
ทั้งนี้ นายเจฟฟรีย์ เกอร์ริช รองผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เป็นผู้นำคณะผู้แทนจากสหรัฐในการเจรจาการค้ากับจีน โดยทั้งสองฝ่ายกำลังร่วมหารือเกี่ยวกับความพยายามในการบรรลุข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางการค้า ต่อจากที่เจรจากันไว้นอกรอบการประชุม G20 ที่อาร์เจนตินา
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 460,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 32.68 ล้านบาร์เรล/วัน นำโดยซาอุดีอาระเบีย
นักลงทุนจับตาสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอลแพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ม.ค. ขณะเดียวกันคาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรล