สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ทะยานกว่า 3% ทะลุ 51 ดอลลาร์ในวันนี้ แม้มีการรายงานการพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นของสหรัฐ ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบลดลงน้อยกว่าคาด
ขณะนี้ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 8 ซึ่งเป็นช่วงขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2560
ณ เวลา 23.26 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 1.51 ดอลลาร์ หรือ 3.03% สู่ระดับ 51.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป้นครั้งแรกในปีนี้ที่ราคาน้ำมัน WTI พุ่งทะลุ 51 ดอลลาร์
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 8.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล พุ่งขึ้น 10.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะประสบความคืบหน้า
คณะเจรจาการค้าของสหรัฐออกแถลงการณ์ระบุว่า พวกเขาจะรายงานผลการเจรจาการค้ากับจีนต่อทำเนียบขาว เพื่อรับทราบนโยบายสำหรับการเจรจากับจีนต่อไป
อย่างไรก็ดี คณะเจรจาการค้าของสหรัฐไม่ได้เปิดเผยผลการเจรจาการค้ากับจีนแต่อย่างใด หลังจากเสร็จสิ้นการเจรจาในวันนี้ จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดลงเมื่อวานนี้
แถลงการณ์ระบุว่า ในการเจรจา เจ้าหน้าที่ได้หารือเกี่ยวกับความจำเป็นในการปรับโครงสร้างของจีนในด้านที่เกี่ยวกับการโจรกรรมในโลกไซเบอร์ และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ขณะที่มีการหารือถึงคำมั่นสัญญาของจีนในการซื้อสินค้าจำนวนมากจากสหรัฐในด้านการเกษตร, พลังงาน และสินค้าในภาคการผลิตและบริการ
นายซูฮาอิล อัล มาสรูเอ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอดีตประธานกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กล่าวว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น กำลังเป็นปัจจัยกดดันตลาดน้ำมัน
อย่างไรก็ดี นายมาสรูเอคาดการณ์ว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะไม่ลุกลามกลายเป็นสงครามการค้า โดยจะยุติลงด้วยการเจรจา
ถึงแม้นายมาสรูเอมีความหวังต่อการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีน แต่เขาก็ได้เตือนเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของการผลิตน้ำมันจากสหรัฐ ซึ่งได้เป็นปัจจัยกดดันสมาชิกโอเปก
"เราจำเป็นต้องจับตาดูปริมาณการผลิต shale oil ของสหรัฐ" เขากล่าว
EIA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 1.18 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า สู่ระดับ 12.06 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์