สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 5% เมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) ทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 8 เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ส่งสัญญาณคืบหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รวมทั้งสต็อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 2.58 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 52.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 2561
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.72 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 61.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธ.ค. 2561
สัญญาน้ำมันดิบปิดบวกอย่างต่อเนื่อง หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งสัญญาณคืบหน้า โดยล่าสุดสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ออกแถลงการณ์ระบุว่า ในการเจรจาการค้ากับจีนที่เพิ่งสิ้นสุดลง สหรัฐสามารถสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าที่เป็นธรรม และได้รับประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายกับจีน
USTR เปิดเผยว่า จีนได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะซื้อสินค้าจำนวนมากจากสหรัฐ โดยมีการหารือถึงคำมั่นสัญญาของจีนในการซื้อสินค้าจำนวนมากจากสหรัฐในด้านการเกษตร, พลังงาน รวมทั้งสินค้าในภาคการผลิตและบริการ
รายงานระบุว่า การเจรจาครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนได้หารือเกี่ยวกับความจำเป็นในการปรับโครงสร้างของจีนในด้านที่เกี่ยวกับการโจรกรรมในโลกไซเบอร์ และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ขณะที่มีการหารือถึงคำมั่นสัญญาของจีนในการซื้อสินค้าจำนวนมากจากสหรัฐในด้านการเกษตร, พลังงาน และสินค้าในภาคการผลิตและบริการ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.8 ล้านบาร์เรลก็ตาม
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 460,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 32.68 ล้านบาร์เรล/วัน นำโดยซาอุดีอาระเบีย