สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 9 เมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) ทำสถิติปิดในแดนบวกยาวนานที่สุดในรอบ 9 ปี หลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศแผนการปรับลดการผลิตน้ำมันในเดือนม.ค.และก.พ. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 52.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 61.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบียประกาศว่า ซาอุดีอาระเบียจะปรับลดการผลิตน้ำมันในเดือนม.ค.ลงสู่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 8 ล้านบาร์เรล/วัน และจะปรับลดการผลิตน้ำมันในเดือนก.พ.ลงอีก 100,000 บาร์เรล/วัน
ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 460,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 32.68 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนในช่วงท้ายตลาด หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งระบุว่า เฟดสามารถยืดหยุ่นและมีความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเฟดสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินตามขอบเขตที่สมควร หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มย่ำแย่ลง
"เมื่อพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันซึ่งอยู่ในระดับต่ำและสามารถควบคุมได้ เฟดก็สามารถอดทน และติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจด้วยความอดทนและระมัดระวัง" นายพาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งกรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้