สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกปรับตัวลดลงในเดือนธ.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 52.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 61.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจาก EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ม.ค. อยู่ที่ระดับ 11.9 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล/วันจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น พร้อมกับคาดการณ์ว่า สหรัฐมีแนวโน้มผลิตน้ำมันมากกว่า 12 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และจะเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันสุทธิในปี 2563
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปิดขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกลดลง 751,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 31.6 ล้านบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้นำในการปรับลดการผลิตของโอเปก โดยลดลง 468,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 10.5 ล้านบาร์เรล/วัน และซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายในการปรับลดการผลิตลงสู่ระดับ 10.2 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนนี้
ขณะเดียวกัน การผลิตน้ำมันของลิเบียลดลง 172,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ to 928,000 บาร์เรล/วัน ส่วนการผลิตน้ำมันของอิหร่านลดลง 159,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับต่ำกว่า 2.8 ล้านบาร์เรล/วัน และขณะนี้อิหร่านกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากเป็นอันดับ 5 ของโอเปก จากเดิมอยู่ที่อันดับ 3 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ