สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงาน อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐเตรียมคว่ำบาตรน้ำมันของเวเนซุเอลา ซึ่งจะส่งผลให้อุทานน้ำมันตลาดโลกอยู่ในภาวะตึงตัว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 39 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 52.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 61.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นปัจจัยที่ฉุดสัญญาน้ำมันดิบปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก พร้อมกับเตือนว่ายังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ
ทั้งนี้ IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.5% ในปีนี้ และ 3.6% ในปีหน้า ซึ่งต่ำกว่าระดับ 3.7% สำหรับทั้ง 2 ปีที่มีการคาดการณ์ในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว โดยนับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนที่ IMF ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ต่างก็ปิดขยับลงไม่มากนัก เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากรายงานข่าวที่ว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แจ้งให้บริษัทพลังงานของสหรัฐทราบว่า รัฐบาลสหรัฐจะคว่ำบาตรน้ำมันของเวเนซุเอลาภายในสัปดาห์นี้ หากสถานการณ์ด้านการเมืองในเวเนซุเอลายังคงย่ำแย่
รายงานระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้ให้การรับรองนายฮวน กุยโด ประธานสมัชชาแห่งชาติของเวเนซุเอลา ให้ทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดี พร้อมระบุว่าการที่นายนิโคลัส มาดูโร ยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาในขณะนี้ เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย
นักวิเคราะห์จากบริษัทไพรซ์ ฟิวเจอร์ส กรุ๊ป กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้สหรัฐสามารถยับยั้งการให้ความช่วยเหลือแก่เวเนซุเอลา ซึ่งรวมถึงการขัดขวางเงินกู้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และจะทำให้สหรัฐสามารถคว่ำบาตรประเทศต่างๆที่ทำธุรกรรมกับนายมาดูโร
นักลงทุนจับตาสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้ ขณะที่โพลล์สำรวจนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 600,000 บาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ม.ค. ขณะเดียวกันคาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 900,000 ล้านบาร์เรล