สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 3% หลุดระดับ 52 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังสหรัฐเพิ่มแท่นขุดเจาะน้ำมันเป็นครั้งแรกในปีนี้ ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตกว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยังไม่ยุติลงในระยะนี้
ณ เวลา 22.37 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 1.72 ดอลลาร์ หรือ 3.20% สู่ระดับ 51.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. สู่ระดับ 862 แท่น ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันต่อไป
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สหรัฐมีแนวโน้มผลิตน้ำมันมากกว่า 12 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และจะเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันสุทธิในปี 2563
ตลาดจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางถึงสหรัฐในวันที่ 30-31 ม.ค.เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่สหรัฐ และคาดหวังที่จะยุติข้อพิพาททางการค้าที่ยืดเยื้อมาเป็นระยะเวลานานหลายเดือน
นายหวัง ชูเหวิน รมช.กระทรวงพาณิชย์ และนายเหลียว หมิน รมช.กระทรวงการคลัง ได้เดินทางถึงสหรัฐแล้วในวันนี้ เพื่อปูทางสู่การเจรจาการค้าระหว่างนายหลิว เหอ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR)
ทั้งนี้ นายหลิว เหอ จะเข้าเจรจากับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ พร้อมด้วยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งการเจรจาจะจัดขึ้นในวันที่ 30-31 ม.ค. โดยทั้งสองฝ่ายจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ประเด็นการสั่งซื้อถั่วเหลืองจากจีน ไปจนถึงการที่รัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนบริษัทของรัฐบาล โดยหวังที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากจีนและสหรัฐไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถาวร ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้