สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา ซึ่งจะส่งผลให้เวเนซุเอลาเผชิญอุปสรรคในการส่งออกน้ำมันไปต่างประเทศ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 92 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 54.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 61.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 919,000 บาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 3.2 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกันตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัท ปิโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา โดยการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้เวเนซุเอลาเผชิญอุปสรรคในการส่งออกน้ำมันไปต่างประเทศ
นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงสหรัฐกล่าวว่า การคว่ำบาตรดังกล่าวจะทำให้ PDVSA ถูกอายัดทรัพย์สินมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ และอาจทำให้ PDVSA สูญเสียยอดขายมากถึง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีหน้า
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานของซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียจะลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 100,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.พ. ซึ่งจะทำให้ซาอุดีอาระเบียลดกำลังการผลิตรวม 10.1 ล้านบาร์เรล/วัน