สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดน้อยลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 70 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 54.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 62.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.6% ในเดือนพ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 53.6 ในเดือนม.ค. ลดลงจากระดับ 53.9 ในเดือนธ.ค.
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐและจีนซึ่งเป็นสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกนั้น ทำให้นักลงทุนกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดน้อยลงด้วย
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนลดลง 15 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 847 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดหวังว่า การที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัท ปิโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลานั้น จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกลดน้อยลง
ทั้งนี้ นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงสหรัฐกล่าวว่า การคว่ำบาตรดังกล่าวจะทำให้ PDVSA ถูกอายัดทรัพย์สินมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ และอาจทำให้ PDVSA สูญเสียยอดขายมากถึง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีหน้า
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย