สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) แม้มีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ก็ตาม โดยราคาน้ำมันยังคงได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่ตลาดน้ำมันโลกจะตึงตัว หลังการปรับลดการผลิตของโอเปก และการคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของเวเนซุเอลา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 52.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 62.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 7 แท่นในสัปดาห์นี้ สู่ระดับ 854 แท่น
ทั้งนี้ ตลาดน้ำมันยังคงได้แรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันในตลาดโลก หลังจากที่โอเปกและผู้ผลิต 10 รายนอกกลุ่มได้ตกลงกันเมื่อปลายปีที่แล้วที่จะลดการผลิตน้ำมันดิบลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 เพื่อพยายามที่จะดูดซับน้ำมันปริมาณมากทั่วโลกและปรับสมดุลตลาด โดยโอเปกซึ่งไม่รวมอิหร่าน ลิเบีย และเวเนซุเอลาได้ตกลงที่จะลดปริมาณน้ำมันลง 800,000 บาร์เรลต่อวัน
เจ้าหน้าที่โอเปกยังรายงานในสัปดาห์นี้ด้วยว่า ซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรในอ่าวเปอร์เซียจะร่วมมือกันอย่างเป็นทางการกับกลุ่มผู้ผลิตนอกโอเปก 10 ชาติที่นำโดยรัสเซีย เพื่อจัดการกับตลาดน้ำมันโลก
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 30.98 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 890,000 บาร์เรล/วันจากระดับของเดือนธ.ค. 2561