สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 53.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 62.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากกลุ่มโอเปกเปิดเผยรายงานประจำเดือนก.พ.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่าการผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 797,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 30.806 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค. ซึ่งเทียบเท่ากับการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตราว 86%
ทางด้านซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้นำในการปรับลดการผลิตของโอเปก ประกาศว่าจะลดการผลิตสู่ระดับ 9.8 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนหน้า โดยลดลงมากกว่า 500,000 บาร์เรล/วันจากที่มีการสัญญาไว้ในช่วงแรก
อย่างไรก็ตาม รายงานประจำเดือนก.พ.ของโอเปกระบุว่า โอเปกได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ อันเนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ขณะที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกมีการผลิตมากขึ้น
ทั้งนี้ โอเปกคาดว่า ความต้องการใช้น้ำมันโลกจะมีการขยายตัวเพียง 1.24 ล้านบาร์เรล/วัน โดยลดลง 50,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว ขณะเดียวกันคาดว่า ความต้องการน้ำมันดิบของโอเปกจะลดลงสู่ระดับ 30.59 ล้านบาร์เรล/วัน โดยลดลง 240,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว
นักลงทุนจับตาข้อมูลสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ก.พ. และคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล แต่คาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และดีเซล จะลดลง 800,000 บาร์เรล