สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และปริมาณน้ำมันโลกที่ตึงตัว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 55.59 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 66.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI บวก 5.4% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นราว 6.7%
ปัจจัยด้านการค้าช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้าที่สำคัญในสัปดาห์นี้ และทั้งสองฝ่ายจะยังคงเจรจาต่อไปที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์หน้า ขณะที่ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ทวีตข้อความระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้มีผลลัพธ์ที่ดี
บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าล่าสุดของสหรัฐได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับความต้องการพลังงาน
นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลปริมาณน้ำมันทั่วโลกที่ลดลงได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันขึ้นด้วย โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยรายงานระบุว่า ปริมาณน้ำมันทั่วโลกลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 99.7 ล้านบาร์เรลในเดือนม.ค.
ด้านโอเปกเปิดเผยรายงานประจำเดือนก.พ. ซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 797,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 30.806 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค. ซึ่งเทียบเท่ากับการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตราว 86%