สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้กดดันให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระงับการปรับขึ้นราคาน้ำมัน โดยระบุว่า โลกไม่สามารถรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นได้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 55.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ดิ่งลง 2.36 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 64.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากปธน.ทรัมป์ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน พร้อมกับเรียกร้องให้กลุ่มโอเปกระงับการปรับขึ้นราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้แสดงความเห็นดังกล่าวผ่านทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ว่า "ราคาน้ำมันกำลังพุ่งสูงเกินไป โอเปกกรุณาผ่อนคลายราคาน้ำมัน เพราะโลกไม่สามารถรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทรัมป์ได้ฉุดราคาน้ำมันร่วงลง หลังจากที่ราคาดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ขานรับการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก โดยการผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 797,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 30.806 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค. ซึ่งเทียบเท่ากับการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตราว 86% ขณะที่ซาอุดีอาระเบียประกาศว่าจะลดการผลิตสู่ระดับ 9.8 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนหน้า
ทั้งนี้ เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ เพื่อป้องกันการทรุดตัวของราคาน้ำมัน
นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปกในวันที่ 17-18 เม.ย.เพื่อดูสัญญาณการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปกและประเทศพันธมิตรในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย