สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบียยืนยันที่จะเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิต แม้เผชิญแรงกดดันจากสหรัฐก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 56.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 66.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐดิ่งลง 8.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 300,000 บาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 2.5 ล้านบาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบียปฏิเสธที่จะทำตามแรงกดดันของสหรัฐที่ต้องการให้ราคาน้ำมันปรับตัวลง โดยซาอุดีอาระเบียจะเสนอให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตรขยายเวลาข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึงปลายปีนี้ จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในช่วงกลางปีนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปกในวันที่ 17-18 เม.ย.นี้ เพื่อดูสัญญาณการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปกและประเทศพันธมิตรในช่วงครึ่งปีหลัง