สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) หลังจากรัฐบาลจีนได้ประกาศลดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สำหรับปี 2562 ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงาน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากตลาดยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 56.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 65.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากรัฐบาลจีนได้กำหนดเป้าหมายการขยายตัวของ GDP ในปี 2562 ที่ระดับ 6-6.5% ซึ่งลดลงจากปี 2561 ที่มีการขยายตัว 6.6% โดยการปรับลดเป้าหมาย GDP ของจีนมีขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ลิเบียได้กลับมาเปิดบ่อน้ำมัน "เอลชารารา" อีกครั้ง และคาดว่าการปิโตรเลียมของลิเบียจะกลับมาดำเนินการผลิตน้ำมันได้ตามปกติ หลังจากบ่อน้ำมันแห่งนี้ได้ถูกปิดตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ บ่อน้ำมันเอลชาราราเป็นบ่อที่มีมีขนาดใหญ่ที่สุดในลิเบีย และสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 315,000 บาร์เรล/วัน โดยปัจจุบัน ลิเบียได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก เนื่องจากลิเบียยังคงเผชิญกับสงครามกลางเมือง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจและอุตสหกรรมน้ำมันของประเทศ
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนก.พ.อยู่ที่ระดับ 30.68 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 300,000 บาร์เรล/วันจากเดือนม.ค. และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2558
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งรายงานโดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐในนี้ เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอลแพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 มี.ค. ขณะเดียวกันคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซลและฮีทติ้งออยล์ จะลดลง 2 ล้านบาร์เรล