สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) ขานรับรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวลดลงในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบีย และมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐบังคับใช้ต่อเวเนซุเอลา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 56.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 66.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างผลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนก.พ.ลดลง 60,000 บาร์เรล/วัน จากระดับของเดือนม.ค. สู่ระดับ 30.80 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2558 โดยมีสาเหตุมาจากการเดินหน้าลดกำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบีย และผลกระทบจากการที่สหรัฐคว่ำบาตรเวเนซุเอลา
ส่วนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนก.พ.อยู่ที่ระดับ 30.68 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 300,000 บาร์เรล/วันจากระดับของเดือนม.ค.
ทั้งนี้ เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ เพื่อป้องกันการทรุดตัวของราคาน้ำมัน
นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปกในวันที่ 17-18 เม.ย.นี้ เพื่อดูสัญญาณการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปกและประเทศพันธมิตรในช่วงครึ่งปีหลัง