สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงเช่นกัน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 58.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย. 2561
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 67.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 มี.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 100,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 12 ล้านบาร์เรล/วัน
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนหลังจากเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียกล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียมีแผนที่จะปรับลดกำลังการผลิตให้ต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ในเดือนหน้า โดยจะต่ำกว่าระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วัน
คณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกซึ่งรวมถึงรัสเซีย มีกำหนดจัดการประชุมในวันที่ 18 มี.ค.นี้ที่ประเทศอาร์เซอร์ไบจาน
นอกจากนี้ กลุ่มโอเปกจะจัดการประชุมเพื่อพิจารณานโยบายการผลิตน้ำมันในวันที่ 17-18 เม.ย. และ 25-26 มิ.ย.