น้ำมันสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (15 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไร หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 4 วัน และตลาดยังถูกกดดัน หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่า ตลาดน้ำมันโลกจะมีปริมาณน้ำมันส่วนเกินเล็กน้อยในไตรมาสแรกของปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 58.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 7 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 67.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดปรับตัวลง หลัง IEA รายงานว่า ตลาดน้ำมันโลกอาจมีปริมาณน้ำมันส่วนเกินเล็กน้อยในไตรมาส 1/2562 ก่อนจะลดลงในไตรมาส 2/2562 ราว 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดย IEA ระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันยังคงเพิ่มขึ้น การผลิตน้ำมันจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ลดลงเล็กน้อย และการผลิตน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น
ถึงแม้ราคาน้ำมันปรับตัวลงในวันศุกร์ แต่ก็ยังมีปัจจัยหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และการที่สหรัฐคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านและเวเนซุเอลา
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังมีปัจจัยบวกจากการร่วงลงของสต็อกน้ำมันดิบ และการผลิตน้ำมันของสหรัฐด้วย
โอเปกออกรายงานคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันอยู่ที่ระดับ 30.46 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ โดยลดลง 130,000 บาร์เรล/วันจากที่มีการคาดการณ์ไว้ในเดือนที่แล้ว และต่ำกว่าระดับการผลิตของโอเปกในปัจจุบัน
โอเปกยังรายงานว่า การผลิตน้ำมันลดลง 221,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.พ. ซึ่งหมายความว่า สมาชิกโอเปกให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตสูงถึง 105%
ทั้งนี้ โอเปกและประเทศพันธมิตรมีกำหนดจัดการประชุมเพื่อพิจารณานโยบายการผลิตน้ำมันในวันที่ 17-18 เม.ย. และ 25-26 มิ.ย.
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 1 แท่นในสัปดาห์นี้ สู่ระดับ 833 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว และเป็นครั้งแรกที่แท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐมีจำนวนลดลงติดต่อกัน 4 สัปดาห์ นับตั้งแต่เดือนพ.ค.2559 ซึ่งขณะนั้นแท่นขุดเจาะน้ำมันลดลงติดต่อกัน 8 สัปดาห์