สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งอาจกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน หลังจากที่มีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของประเทศต่างๆ ในยุโรปและสหรัฐ ลดลง และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เตือนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 59.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 83 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 67.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดัน หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน โดยไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หลังจากแตะระดับ 55.5 ในเดือนก.พ.
ไอเอชเอส มาร์กิตยังเปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 51.9 ในเดือนก.พ.
ขณะเดียวกัน ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของเยอรมนี ลดลงสู่ระดับ 51.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 69 เดือน จากระดับ 52.8 ในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ ไอเอชเอส มาร์กิตยังเปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของฝรั่งเศส ลดลงสู่ระดับ 48.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 50.4 ในเดือนก.พ. โดยดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของฝรั่งเศสอยู่ในภาวะหดตัว ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมประท้วงของกลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง ซึ่งส่งผลให้การจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่ชะลอตัวลง ส่วนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจปรับตัวลงเช่นกัน
ส่วนเฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ลง สู่ระดับ 2.1% จากระดับ 2.3% ที่คาดไว้ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าสู่ระดับ 1.9% จากเดิมที่ 2.0%