สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่สูงขึ้นในตลาดโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 53 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 59.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 67.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจา EIA รายงานเมื่อคืนนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 มี.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่เดียวกัน EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล มากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล มากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 896,000 บาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 มี.ค.
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากรายงานที่ว่า ท่าเรือโฮเซ ซึ่งเป็นท่าส่งออกน้ำมันหลักของเวเนซุเอลา ยังไม่สามารถให้บริการได้ในขณะนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟดับครั้งใหญ่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นวิกฤติไฟฟ้าดับครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลสหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลายังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาด โดยรายงานล่าสุดระบุว่า กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรบุคลากรและองค์กร 25 รายที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน หลังจากพบว่าบุคลากรและองค์กรเหล่านี้ทำกิจกรรมเชิงพาณิชย์กับกองทัพอิหร่าน